ผ่านมาไม่กี่ปี เทคโนโลยี้ก็ทำให้ ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วครับ

ถ้าในส่วนของ Software ต่าง ๆ ผมคิดว่าทุกคนคงรู้จัก Excel หรือ word กันเป็นอย่างดี

บริษัทยุคแรก ในการเข้ามาของ Excel ใครใช้ excel ก่อนคนนั้นก็จะมีโอกาสชนะมากกว่า คนที่ใช้เครื่องคิดเลขอย่างเดียว  และสุดท้ายปัจจบันทุกคนก็ใช้กันแพร่หลาย excel ก็ใช้กันแพร่หลาย

ทำให้คนที่ใช้ Excel เหมือนกันไม่มีความได้เปรียบที่ทำให้เราเหนือกว่าคู่แข่งได้

ยุคปัจจุบันเราเรียกว่ายุค  information age แทบทุกอย่างเติบโตอย่างรวดเร็ว หรือเรียกว่าแบบ exponential

รู้ไหมครับว่า Alibaba ขายของวันเดียว 1,163,590 ล้านบาท ในวันที่ 11 เดือน 11 คือวันคนโสดของจีน ซึ่งไม่น่าทำได้ในยุคเก่า

เพราะสมัยนี้ บริษัท tech เหล่านี้เติบโตแบบ exponential เติบโตกันหลายเท่าใน 1 เดือน

Alibaba เป็น exponential winner ของจีน บริษัทที่สามารถสนองความต้องการผู้บริโภคได้ ซึ่งครองตลาด E-commerce ทั้งหมดของจีน 

exponential  Loser นั้นคือคนที่ปรับตัวไม่ได้

เมื่อกฏของเกมเปลี่ยน เราจึงต้องปรับเปลี่ยนตาม

เราอยู่ในยุคที่ คนที่ปรับเปลี่ยนได้ก่อนจะเป็นผู้ชนะ สำหรับคนที่สามารถใช้เทคโนโลยีได้

และได้ประโยชน์แบบ exponential เพราะ เทคโนโลยีมันเพิ่มกำลังการผลิตได้จำนวนมหาศาล

ลองคิดดูครับ ..ใครที่ปรับตัวได้ ..โอกาสจะมีมากขนาดไหน

กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง สิ่งที่เคยทำสำเร็จในอดีต อาจไม่สำเร็จในอนาคต

“ในโลกที่ความไม่แน่นอน คือความแน่นอน”

ความสามารถที่จะปรับตัว ยอมรับสิ่งใหม่ โดยไม่ยึดติดกับความสำเร็จเก่า ๆ

disruption คือใช้สิ่งใหม่ เปลี่ยนวิธีคิด เปลี่ยนวิธีทำ สร้างสิ่งใหม่ โดยไม่ได้สร้างบนสิ่งเก่า 

** แต่มันเป็นการมาทดแทนสิ่งเก่าได้เลย

ลองคิดดูครับ ..ใครที่ปรับตัวได้ ..โอกาสจะมีมากขนาดไหน

สรุปคือเราไม่ต้องลงทุนอะไรเลย นอกจากความรู้ …. แต่ ต้องมีสินค้า และบริการที่ดีจริง ๆ ถึงจะอยู่รอด

เพราะลูกค้าไม่ง้อเรา เราจึงต้อมีมาตราฐานที่ดี บริษัทที่คิดแบบเดิม ทำแบบเดิม ก็จะหายไป

โม้สะนานเลยครับ อ่านถึงตอนนี้ผมเชื่อว่าทุกคนคงอยากจะปรับเปลี่ยนองค์กรตัวเองให้เป็น Digital มากขึ้น

กลับมาว่่าตอนนี้เราอยู่ในยุค information age ซึ่งใช้ Data ในการขับเคลื่อนทุกอย่าง 

DATA จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการ Tranform ธุรกิจเรา

 3 ปัจจัยหลัก ๆ

1. Customer Need : เราต้องเข้าใจลูกค้า 
2. Core Value : เป็นเรื่องของภายในที่ดี
3. Technology : ช่วยขับเคลื่อนทุกอย่างให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และสร้างความได้เปลี่ยนเชิงการแข่งขัน

แล้ว Data มันคืออะไร แล้วอยู่ที่ไหนบ้าง สำหรับผมแล้ว แบ่ง Data ออกเป็น  2 ส่วน 

1. Internal Data
2. External Data

ยกตัวอย่างเช่น

• ข้อมูลของบริษัท 
• ข้อมูลติดต่อของลูกค้า 
• ข้อมูลติดต่อของผู้ร่วมธุรกิจ 
• ลักษณะของผู้บริโภค 
• การทำรายการธุรกิจต่างๆ ในแต่ละวัน
• ข้อมูล Process การผลิตทั้งหมด 
• ตัวอักษร ไฟล์เอกสาร รูปภาพ 
• รวมถึงข้อมูลอื่นๆ แทบทุกประเภทที่อยู่บนโลกออนไลน์

กระบวนการทำงานของ Big Data มีอยู่ 3 ขั้นตอนหลักๆ ดังนี้

1. จัดเก็บข้อมูล (Storage) 
2. การประมวลผลข้อมูล (Processing) 
3. การวิเคราะห์ข้อมูล (Analyst) 

แล้วจากนั้นก็นำมาปรับใช้กับ การทำงาน เพื่อสร้าง Value ให้กับลูกค้าของเรายังไงละครับ

กุญแจ หลักในการ “การปรับองค์กรยุคใหม่” ด้วยเทคโนโลยี Application ที่ทำได้ด้วยตัวคุณเอง

คุณอาจได้เวลาคุณกลับมา ถ้าธุรกิจของคุณเดินได้แบบเป็นระบบ มีการเก็บข้อมูลที่เป็นระบบ คุณอาจวางระบบ เก็บข้อมูลโดยไม่ใช้ Application ที่ทันสมัย

แต่ผมแนะนำเลยว่า 10 Application คุณสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้กับทุกธุรกิจ

 เทคโนโลยี Application ที่ทันสมัย คือกุญแจสู่อนาคตของคุณ